นั่งอ่าน ชีวิตคนตกงาน อ่านไปแล้ว คิดตามไปด้วย จะพบว่า หลายคน นั้น
ยังลำบากกว่าเราอีกตั้งเยอะ หลายชีวิต หลายตัวอย่าง ที่มาเล่าความอัดอั้นตันใจ
แต่ถึงแม้ว่า ชีวิตพวกเขาจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ พวกเขา ต่างไม่เคยย่อท้อ
ต่ออุปสรรค แม้ว่าจะยังไม่ถึงเป้าหมาย หรือความฝันที่ตั้งใจไว้ หลายคน
เคยมีชีวิตการงานที่ดี แต่ ในที่สุด “ความไม่แน่นอนก็คือความไม่แน่นอน” อะไรก็เกิดขึ้นได้ ลองมาอ่านบทความที่ผมคัดลอดมาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนถ่ายทอดการบอกเล่าด้วยน้ำตา
และความรู้สึก กันดูครับ
ตกงานได้ 5 เดือนแล้วค่ะ งานที่เก่าทำได้ 2 ปีก็เริ่มมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
เขาในตำแหน่งสูงกว่าบีบให้ออกเพราะเริ่มกลัวว่าเราจะแทนที่เขาในอนาคต(มั้ง)
ไม่รู้คิดไปได้ยังไง ยังไงเขาก็สำคัญกว่าเราไม่เท่ากันอยู่แล้วค่ะ จากที่จ่ายเงินอย่างสบายใจไม่เครียดจนกลายเป็นคิดมากว่าเวลาจะจ่าย
มาตอนนี้เครียดค่ะเพราะไม่มีเงินติดตัวเลยเราโทรบอกทางบ้านว่าสบายดีแต่ตอนนี้มันลำบากมาก
ไม่อยากให้ท่านต้องมาเครียดให้รู้ว่าเราสบายดีให้ท่านรู้สึกแต่สิ่งดีๆ
ก็พอเพราะสร้างแต่ปัญหาให้มากมาเยอะแล้ว เพื่อนแท้กันก็กระจัดกระจายไปทั่วไทยทุกสารทิศบางคนก็เปลี่ยนเบอร์
ติดต่อไม่ได้ ทักในเฟสก็ทำเป็นไม่รู้จัก
พวกแบบเจอกันไม่มีเลยไม่รู้จะปรึกษาใครดี มืดแปดด้านไปหมดแล้วค่ะ
เมื่อก่อนยังมีห้องให้อยู่ที่พักใจเวลาร้องให้ก่อนที่จะไม่มีค่าห้องจ่ายให้
เป็น 2 คืนที่ต้องทนนอนบนสะพานลอย ใจหนึ่งก็กลัวอีกใจก็จะอยากตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
สังเวชแท้นึกสภาพตัวเองตอนหมดลมหายใจช้าๆ นึกแล้วน้ำตา มันก็ไหลออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้
ด้านได้อายอดสุดท้ายเลยตัดสินใจเข้าไปขอช่วยล้างจานในร้านอาหารตามสั่งแรกๆ
เขาไม่รับโดนไล่ออกมาก็หลายที่ จนมีที่หนึ่งเขารับเพราะสงสารและพักอยู่ชั้นบนของร้านขอบคุณเจ้าของร้านอาหารแห่งนั้นมากๆ
ค่ะ ที่ให้ชีวิตใหม่แก่เรา
ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ในวันนี้จริงๆ ค่ะ ขอให้ทุกคนที่รอคอยความหวังให้สุขสมหวังเหมือนกันด้วยนะคะ
โชคดีทุกคนค่ะ
ฉันก็กลับไปอยู่บ้านไม่ได้เพราะพ่อมีภรรยาใหม่ ช่วงตกงานกลับไปอยู่บ้านได้ไม่นานพ่อก็ไล่ออกจากบ้าน
ตอนนี้ออกมาอยู่หอพัก ฉันตัวคนเดียวต้องสู้ชีวิต
ตอนนี้ได้งานแต่ก็ไม่ตรงสายงานเงินเดือนถูกมาก ได้เงินเดือนลดลงมาเหลือครึ่งนึงไม่พอกินด้วยซ้ำ
ต้องพยายามอดทน อดกลั้น อดออม ไม่รู้ว่านายจ้างจะไล่ออกเมื่อไหร่เพราะทำงานไม่ตรงสายไม่สามารถช่วยงานเขา
ได้มาก บางครั้งฉันก็นอนร้องไห้ ฉันไม่มีใครเลย ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนสนิท
ฉันต้องทำอะไรคนเดียวทุกอย่าง วันนี้ขอเบิกตังค์นายจ้างเขาก็ไม่ให้ ฉันคงต้องกลับไปที่หอแคะกระปุกออมสินที่เหลือไม่กี่บาทเอาไว้กินข้าว
ฉันรู้สึกใจชื้นที่มีคนประสบชะตากรรมเหมือนฉัน อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ทุกข์คนเดียว
สู้ต่อไปนะคะ
ออกจากงานที่เก่าได้ 8 เดือนกว่าแล้วค่ะ
ออกตอน ธ.ค. ปีแล้ว เงินเดือนก็6,xxx ที่ทำงานเก่าเป็นร้านอาหารเขาลดคนงานลงเนื่องจากเราได้เข้าทำที่นั่นไม่นาน
ก็เลยกลายตัวเลือกแรกๆ ที่โดนหมายหัวไว้ในเรื่องปลดคนออกตอนแรกตกใจมากแต่ก็เข้าใจค่ะยังไงคนเก่าที่เขาทำมาก่อนเราก็สำคัญกว่าแน่นอน
ตอนแรกอายมากๆ เลย ที่จบ ป.ตรี
มาแต่ต้องมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ทำไงได้คะ ก็ตระเวนไปสมัครแทบจะทุกที่แล้ว เกินกว่า 100
ที่ได้ไม่เคยได้เลย สัมภาษณ์ที่ไหนก็อยากได้ประสบการณ์ทั้งนั้น
ว่างงานหลังจากจบมาก็ได้เกือบปีแล้ว สุดท้ายเลยตัดสินใจ เอางานอะไรก็ได้
ขอแค่มีงานทำ มีเงินเดือนก็พอ ตอนสมัครเราบอกว่าจบ ม.6 ค่ะเขาถึงรับ
ถ้าจบสูงกว่านี้เคยทดลองแล้วทุกที่ไม่รับกัน แปลกจังคงกลัวจ่ายเงินเดือนแพงมั้งหรือว่ามีอะไรที่เราไม่เข้าใจอารมณ์
ณ ตอนนั้น
มันกลับมาอีกแล้วตอนนี้เครียดมากๆ ไหนจะค่าห้อง ค่ากิน ส่งไปให้ที่บ้าน ตจว.
และผ่อนรถด้วย อะไรๆ ก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ในใจตอนนี้นึกแต่เรื่องความประหยัด
เรื่องของฟรีของแจกไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่บอกทางบ้านค่ะกลัวว่าพ่อแม่จะเครียดเขาฝากความหวังไว้ค่อนข้างสูง
แต่ทำไงได้ชีวิตมันได้แค่นี้จริงๆ เรามันจนค่ะต้นทุนชีวิตมันน้อย
เสื้อผ้าใส่แต่มือสองบ้างบางครั้งเพื่อนข้างห้องก็เอาที่ไม่ใช้แล้วมาให้
มือถือก็แบบโทรเข้าออกแค่นี้ก็ดีมากแล้วจำได้เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนที่เขาไปทำงานกรุงเทพ
5 คน กลับมาเชียงใหม่โทรมานัดทานข้าวกันค่ะ ในกลุ่มก็มีกัน 8
คน ก็ได้ดิบดีทั้งนั้นมีเป็น PR ห้างบ้าง
ทำการตลาดบ้าง ได้เป็นเจ้าของกิจการร่วมกับแฟนเปิดร้านเพชร(ได้แฟนรวย)
เป็นดีไซเนอร์ ทำบัญชีกัน ตอนนั้นในใจอายมากเพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าแต่ละคนได้ดีถึงขนาดนี้
แล้วก็ถึงตาเราแล้วที่ต้องตอบคำถาม เพื่อนว่าทำอะไรที่ไหน
เราก็บอกไปว่า ทำงานที่ร้านอาหาร ค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าตอนนี้ตกงานแล้ว
กลัวว่าเพื่อนจะตกใจหรือตอกย้ำ หรือช่วยแนะแนวทาง อยู่ต่อได้ไม่นานเพราะใจไม่ได้ อยู่ที่นั่นแล้วอยู่สัก
15 นาทีได้ก็ขอตัวออกมาเลยอ้างติดธุระอื่น เรื่องจริงคือรีบเดินออกมาจากร้านออกมาร้องให้ค่ะ ตอนนั้นสมเพชตัวเองจริงๆ
จับใจ ได้แต่คิดในใจว่าวาสนาคนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ
อยากจะให้กำลังใจคนที่กำลังหางานอยู่นะคะ
อ่านเรื่องราวชีวิตเราแล้วคงได้อะไรบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เดือนร้อนหรือลำบากเราอีกเยอะค่ะ
นี่แค่เล็กน้อยมากกว่านี้ยังมีอีกหลายร้อยหลายพันคนมากมาย ตอนนี้ทำให้เราได้รู้ว่า “เรียนจบมาสูงแค่ไหนก็ไม่สำคัญ โอกาสและความอยู่รอดต่างหากที่สำคัญมากกกว่า”
โชคดีนะคนที่กำลังหางาน ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ โชคดีค่ะ!!.
ผมก็ไม่ได้เอามาวิจารณ์หรือออกความเห็น
เพียงแต่ว่าหวัง ใครที่ได้อ่าน ตัวอย่างของพวกเขาเหล่านี้ คนที่มีงานทำอยู่
หรือกำลังได้งานและคิดเปลี่ยนงานเรื่อย ๆ เพียงเพราะไม่ชอบ หรือ ไม่ถูกใจ
ลองคิดกันดูใหม่สักนิดไหมครับ ว่า คนที่เขาลำบากตกงาน เขาสู้ชีวิตขนาดไหน
คนบางคน เลือกงาน
เพราะว่าชอบความสบาย คนบางคนเลือกงานเพราะไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน
แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า
คุณมีคุณสมบัติและความสามารถในงานที่คุณได้ทำเพียงพอหรือไม่
ถ้าคุณรวยล้นฟ้า
หรือมีพ่อแม่ให้สมบัติกองท่วมหัว หากมัวผลาญสมบัติต่อไปเรื่อย ๆ
วันหนึ่งคุณอาจจะไปนอนสะพานลอยเหมือนคนจนบ้างก็ได้ใครจะรู้
ผมขออุทิศบทความนี้
เพื่อตอบแทนคนที่ต่อสู้กับโชคชะตาด้วยความยากลำบากและไม่ย่อท้อ
และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่สู้ชีวิต ที่สำคัญ คือ ไม่เลือก
และไม่เกี่ยงในงานที่เราทำได้ สักวันฝันคงเป็นจริงครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น